x

Latest news

2017 ยุคใหม่แห่งความสำเร็จของตลาดอสังหาฯ

จากความสำเร็จของ เอ พี ทำให้เกิดคำถามว่าพวกเขาทำได้อย่างไร ซึ่งคำตอบก็คือ “การคิดนอกกรอบ”ซึ่งนำไปสู่การสร้างการออกแบบที่มีคุณภาพและดึงดูดลูกค้า หลักสำคัญอีกประการคือ การพัฒนาทักษะและความรู้เพื่อเพิ่มคุณภาพ และประสิทธิภาพของทรัพยากรมนุษย์ให้กับตลาดแรงงานไทย เอ พี ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากพันธมิตรทางธุรกิจ Mitsubishi Estate Group (MEC) ซึ่งล่าสุดได้ลงนามความร่วมมือร่วมทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าร่วมกันเป็นโครงการที่ 8 คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “เอพี ไทยแลนด์ และ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ได้ดำเนินธุรกิจร่วมกันตลอดระยะเวลา 3 ปีของความร่วมมือ มากกว่าเรื่องของเมล็ดเงินคือการได้ร่วมลงทุนในด้านองค์ความรู้ที่ครอบคลุมการพัฒนาที่อยู่อาศัย การพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นและจริงจัง ไปจนถึงการร่วมยกระดับมาตรฐานวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยอีกด้วย ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างมีจุดแข็งที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันและในปีนี้เรายังคงวางแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง” ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของทุกขั้นตอนในการพัฒนาอสังหาฯ ทางบริษัทฯ เปิด AP Academy สถาบันการเรียนรู้ครบงจรด้านอสังหาฯ โดย Mitsubishi Estate ร่วมเป็นพันธมิตร โดยมุ่งหวังให้เป็นสถาบันการเรียนรู้และมหาวิทยาลัยด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ทั้งบุคลากรในสายงาน นิสิตนักศึกษา ร่วมไปถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีส่วนช่วยพัฒนาให้วงการอสังหาริมทรัพย์และสังคมไทยก้าวไกลอย่างยั่งยืน ความคาดหวังในปี 2560 เอ พี มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 20 โครงการในประเทศไทยในปีนี้ จะมีคอนโดมิเนียม 3 โครงการ, โครงการบ้านเดี่ยว 8 โครงการ แและโครงการทาวน์เฮ้าส์ 9 โครงการ โดยบริษัทเชื่อว่าพื้นฐานของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ไม่ได้แย่มากนัก และมั่นใจในโครงการที่กำลังจะเปิดตัว “วันนี้หลายๆ อย่างเริ่มมีความชัดเจนขึ้น กิจกรรมทางการตลาดและบรรยากาศในการซื้อสินค้าของผู้บริโภคเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติบ้างแล้ว ปีนี้เราจะเห็นภาพการแข่งขันในสินค้ากลุ่มแนวราบมากขึ้น ซึ่งความท้าทายที่สำคัญของการทำธุรกิจจากนี้ไปคือ การสรรหาที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการในแพคเกจราคาขายที่สอดรับกับความสามารถของผู้บริโภค “นายอนุพงษ์กล่าว ในไตรมาสแรกนั้น บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ Pleno Bangyai และ Pleno Sukawat อีก 1 โครงการจะเป็นการพัฒนาเฟสต่อเนื่องจากปีที่แล้วคือ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย-รามอินทรา เฟส 2 การพัฒนาและขยายระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพฯมีบทบาทสำคัญในการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ก้าวสู่ปี 2560 ปีนี้หลายฝ่ายคาดหวังว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะมีการขยายตัวมากขึ้นกว่า ปี 2559 เนื่องจากภาครัฐได้ส่งสัญญาณผ่านโครงการต่างๆสามารถเริ่มได้ตามที่วางแผนไว้โดยเฉพาะการ ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานมีความชัดเจน งบประมาณต่างๆมีการเบิกจ่ายกันได้ต่อเนื่องกว่าที่เป็นมารวมทั้งภาคเอกชนที่อาจจะขยับออกมาลงทุนกันมากขึ้นจากที่ชะลอไปในปี 2559 บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จํากัด เปิดเผยว่าคอนโดมิเนียมใหม่ 40,000 ยูนิต และบ้านอีก 13,000 ยูนิตในกรุงเทพฯที่เปิดตัวในปี 2559 ต่างชะลอตัว เนื่องจากอุปทานลดลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ด้านตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์อย่าง บริษัท เอ็ดมันด์ ไต แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จํากัด พบว่าราคาของห้องชุดที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกันปรับลดลงเล็กน้อย เนื่องจากข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯและประเทศอยู่ในภาวะโศกเศร้า ดังนั้นบริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาฯจำนวนมากได้หยุดการเปิดขายชั่วคราว และบริษัท เอ็ดมันด์ ไต แอนด์ คอมพานี เปิดตัวอสังหาฯลดลงเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หากไม่นับช่วงการชะลอตัวดังกล่าว ตามที่คาดไว้นั้นราคาอสังหาฯโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการชะลอตัวของราคาอสังหาฯในบางช่วง แต่ก็ยังคงให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 ต่อปี แสดงให้เห็นว่าการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังคงคุ้มค่า ในปี 2560 ทุกคนเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะมี แนวโน้มและทิศทางฟื้นตัวได้ดีขึ้น และย่านสุขุมวิท ยังคงเป็นทำเลทองของนักลงทุน การพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยทั่วไปยังคงขยายตัวไปตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้า โครงการที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าอาจจะมีการปรับราคาขาย และคงจะมีโครงการใหม่ๆเพิ่มขึ้น คาดว่าในปี 2560 นี้จะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู สายสีเหลืองและรถไฟฟ้าสายสีส้ม อสังหาฯที่อยู่ในทำเลแนวรถไฟฟ้ามีการเติบโตและราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศอยู่ในเกณฑ์ทีดี โดยตัวเลขน่าจะอยู่ในช่วง 3.1-3.15% ในปีนี้

May 06, 2017
ฮ่องกงตามรอยสิงคโปร์เพิ่มมาตราการด้านอสังหาริมทรัพย์

ฮ่องกงได้เพิ่มมาตราการเพื่อลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เช่นเดียวกันกับสิงคโปร์ ฮ่องกงตั้งใจที่จะลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นถึง 364%ในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา ทางการฮ่องกงได้เพิ่มค่าอากรสแตมป์ขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ใหม่มากกว่าหนึ่งแห่งพร้อมกัน มาตราการลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรพย์นี้เริ่มในเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมา และแม้ว่าจะต้องจ่ายค่าอากรแสตมป์เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก มาตราการนี้เพื่อลดความร้อนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่แพงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ช่วยลดการเก็งกำไรของนักลงทุนได้ค่อนข้างดี และทางการหวังว่าจะทำให้อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยราคาถูกลง เนื่องจากอากรแสตมป์ที่เรียกเก็บจากผู้ซื้ออาจทำให้ชาวจีนและชาวต่างชาติชะลอการซื้ออสังหาริมทรัพย์และการลงทุนในฮ่องกงเป็นจำนวนมาก ทางการฮ่องกงมีความพยายามที่จะเพิ่มอุปทานด้านอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงขึ้นอีก มาตรการดังกล่าวและอุปทานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตจะช่วยลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงได้ อย่างไรก็ดี หากราคาอสังหาริมทรัพย์ยังคงพุ่งสูงรัฐบาลอาจพิจารณาประกาศมาตรการควบคุมอุปสงค์เพิ่มเติมในเวลาที่เห็นควร เนื่องจากมาตราการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เข้มงวดของฮ่องกง ทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าลงทุนเท่าไรนักแต่อยู่ในช่วงระหว่างสังเกตการณ์และประเมินผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว ในขณะเดียวกันนักลงทุนก็หันมาสนใจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้น

May 05, 2017
agent_logo
3656/45 Green Tower, 14th floor, Office W9, Rama 4 Road, Rama 4, Bangkok, 10110
Contact
 Contact
View mortgage calculator
X
Mortgage
5 years
10 years
15 years
20 years
25 years
30 years

฿
฿